วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2559

10 อันดับ กล้อง mirrorless ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในปี 2015

10 อันดับ กล้อง mirrorless ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในปี 2015

update : 2015-10-18 20:59:00
views : 184849
ที่มา : techradar.com และเรียบเรียงโดยทีมงาน Toptenthailand
ในปัจจุบันวงการ "กล้องถ่ายรูป" ถูกพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะกล้อง Mirrorless โดยในขณะนี้มันมีขีดความสามารถในการใช้งานได้เทียบเท่ากับกล้อง DSLR เลยทีเดียว
จึงเป็นที่มาของการจัดอันดับในครั้งนี้ ในหัวข้อ 10 อันดับ กล้อง mirrorless ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในปี 2015
10.Fuji X-M1
มาเริ่มต้นด้วยอันดับที่ 10 ได้แก่ Fuji X-M1 และหากคุณเป็นคนที่ชอบ "hipster" กระแสอันล้นหลามทำให้มันกลายเป็นกล้องที่ถูกพูดถึง และถามหามากที่สุดตัวหนึ่ง (ประเทศไทย) ถึงขนาดว่ามีงานกล้องเมื่อได หากเห็นมีการต่อแถวแล้วล่ะก็ ส่วนใหญ่ก็จะมาตามหาเจ้านี้แหละ
9.Panasonic GX8
บางคนอาจจะแปลกใจเป็นอย่างมากว่าทำใมเจ้า GX-8 ไม่ได้ไปอยู่อันดับต้นๆ มากกว่านี้ ทั้งๆที่ตัวมันเองใช้ Sensor M4/3 ที่ดีที่สุดในขณะนี้ นั้นก็คือ Sensor ขนาด 20 ล้านพิกเซล และยังสามารถ่าย VDO ระดับ 4k ได้อีกด้วย และฟังก์ชั่นอีกมากมายของมัน ทำให้ขีดความสามารถในการถ่ายภาพสูงขึ้นไปอีก แต่สิ่งที่ไม่ดีอยู่แค่เพียงอย่างเดียวใน GX-8 ก็คือ "ราคา" หลายคนมองว่ามันมีราคาที่ "สูง" เกินไปนั้นเอง
8. Sony A6000
ในจำนวนกล้องหลากหลายรุ่นของ Sony ที่ใช้ Sensor APC-S เจ้า A6000 ถือเป็นเรือธงของค่ายเลยทีเดียว แต่ดีไซน์ของมันอาจจะดู "แปลกแยก" ต่างจากคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัด แต่ถึงหน้าตาจะดูแปลก แต่ความสามารถของมันก็ไม่ธรรมดาเลย และราคาของมันก็ยัง "ถูก" หากเทียบกับความสามารถอันเหลือล้นของมัน
7.Panasonic G7
เจ้า Panasonic G7 มีรูปร่างที่คล้ายกับ "DSLR" และมันก็ได้รับเทคโนโลยีใหม่ๆ ของ Panasonic ไปเต็มๆ แบบกั๊กน้อยๆ สามารถถ่าย VDO ระดับ 4K ได้อีกด้วย โดยรวมฟังก์ชั่นการใช้งาน สอดคล้องกับราคาที่ไม่แพงจนเกินไปได้อย่างดีเยี่ยม
6.Panasonic GH4
หากจะพูดถึงการถ่ายภาพที่ "ดีที่สุด' GH4 อาจจะไม่ได้อยู่ในอันดับที่ 1 แต่หากพูดถึงการถ่าย "VDO" สามารถพูดได้อย่างเต็มปากเลยว่า ในกลุ่มกล้อง Mirrorless หาคู่ต่อสู้ที่จะมาจัดการกับ GH4 ได้ยากยิ่งแน่นอน ด้วยความสามารถ
ถ่าย VDO ระดับ 4k เป็นตัวแรกของกล้องตระกูล Mirorrless และมันเป็นกล้องเรือธงของ Panasonic เลยทีเดียว เรียกได้ว่ามันมีความสามารถรอบตัวเลย รายการทีวีไม่น้อยก็ใช้บริการของมัน เพราะต่างเชื่อมั่นในคุณภาพที่ได้รับนั้นเอง
5.Olympus OM-D E-M5 II
หลังจากที่เจ้า E-M5 Mark 1 เคยสร้างเสียงฮือฮามามากมาย และในตอนที่ เจ้า Mark 2 นี้เปิดตัวออกมา มันสามารถที่สยบคู่แข่งได้อย่างอยู่หมัดเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชั่น ความสามารถที่ถูกใส่เข้ามา เรียกว่าเทียบชั้นได้กับรุ่นท็อปของค่ายเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นโหมดที่ถ่ายภาพขนาด 40 ล้านพิกเซล กันสั่น 5 แกน ที่จะทำให้การถ่ายภาพ และ VDO ของคุณ ก้าวขึ้นไปอีกขั้น
4.Fuji X-T1
X-T1 การออกแบบและการใช้งานเรียกว่าอยู่ในระดับ "มืออาชีพ" ไม่ว่าจะเป็น Body ที่ทำขึ้นจาก magnesium ซึ่งส่วนใหญ่จะถูกนำไปใช้ในตัว "ท็อป" เพราะราคาสูงกว่า และ EVF ที่มีความละเอียดสูงที่น่าจับตามอง ยังไม่นับฟังก์ชั่นอีกมากมาย และสิ่งที่เหล่าแฟนๆ กล่าวขานเป็นอย่างยิ่งกับฟังก์ชั่น manual focus assist ที่จะช่วยโฟกัสให้ภาพไม่หลุดแน่นอน
3.Fuji X-T10
อันดับที่ 3 ตกเป็นของ "พี่ฟู" อย่าง X-T10 เจ้า X-T10 เป็นกล้องที่ขนาดกระทัดรัด และรูปร่างดีไซน์แบบ "ย้อนยุค" ที่ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังถือกล้องฟิล์มสมัยก่อนก็มิปาน พกพาง่าย เบาสบาย และตามสไตล์ของ "ฟูจิ" พี่แกขึ้นชื่อเรื่องไม่ค่อยจะ "กั๊ก"
เทคโนโลยีเท่าใดนัก มีอะไรก็ใส่มาให้เกือบหมด บางครั้งเกือบจะเทียบชั้นกับตัวที่แพงกว่าได้เลย ถึงจะไม่กันน้ำ กันฝุ่น แบบ X-T1 รุ่นพี่ใหญ่ของมัน แต่มันก็คุ้มค่าอย่างแน่นอน
2.Sony A7 II
มาที่อันดับที่ 2 ต้องบอกเลยว่าหากจะพูดถึงความ "ใหญ่" ของ Sensor ไม่มีใครกล้ามาหือกับพี่หมีในซี่รี่ย์นี้อย่างแน่นอน เพราะเฮียแก "จัดเต็ม" ให้มาแบบ Full Frame เลยน่ะสิ เรียกว่ามันไม่ใช่กล้องสำหรับ มือสมัครเล่นแน่นอน แต่มันยืนอย่างมั่นคงในระดับ "Professional" เทียบชั้น และเหนือกว่า DSLR ตัวท็อปในตลาดได้อย่างไม่ลำบาก และเจ้า A7 Mark 2 นี้เอง ก็ได้มีการหยิบยืมเทคโนโลยีกันสั่นอันสุดยอด "5 แกน" มาสิงสถิตในร่างอีกด้วย ทำให้ตัวมันมีขีดความสามารถเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณเลยทีเดียว
1.Olympus OM-D E-M10 II
จะเรียกว่าเป็นกล้องที่ "ดี" ที่สุดก็คงจะไม่ได้ แต่ด้วยรูปร่าง ราคา และความสามารถที่ใส่มาให้อย่าง "เต็มที่" ของเจ้า EM10 Mark 2 โดยใน Mark 2 มันถูกเพิ่มเติมฟังก์ชั่น และความสามารถเข้ามา หลากหลายจุด เรียกได้ว่าเป็นการพัฒนาที่อัพเกรดขึ้นมาอีกระดับหนึ่งเลยจากเดิม ไม่ว่าจะเป็นกันสั่นที่ไม่งก ใส่มาให้ "5 แกน" เท่ากับรุ่นพี่ของมัน และกล้องราคาแพงตัวอื่นเลยทีเดียว โดยรวมจึงไม่แปลกใจที่มันจะขึ้นแท่นนี้่ได้ อย่างไม่ยากเย็นนัก

10 เรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับ Star Wars Battlefront ในช่วง Beta ที่่ผ่านมา

10 เรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับ Star Wars Battlefront ในช่วง Beta ที่่ผ่านมา

update : 2015-10-26 14:53:00
views : 1054
ที่มา : dualshockers.com, เรียบเรียงโดย ทีมงาน toptenthailand.com
เชื่อว่าคอเกมส์ที่ไม่เคยพลาดกับเกมส์เด็ดหลายคนอาจจะได้สัมผัมและทดลองเล่น "Star Wars Battlefront" เรียกได้ว่าในการทดสอบ Beta ในครั้งนั้น สร้างสถิติไว้มากมาย และเราก็รวบรวมมาให้ได้อ่านกัน จะรู้หรือไม่รู้ก็ได้ ใน 10 เรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับ Star Wars Battlefront ในช่วง Beta ที่่ผ่านมา
10.กำหนดจำหน่าย
Star Wars Battlefront จะออกวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ สำหรับเครื่อง PS4, Xbox One และ PC เรื่องว่าออกมาครบครันสำหรับแฟนๆ เลย และวางขายพร้อมกันในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2558
9.ผู้เล่นที่สามารถปลดล็อค Jump Pack
ในจำนวนคนเล่นทั้งหมด มีคนปลดล็อค Jump Pack มีจำนวน 6 ล้านคน
8.การ์ดที่นิยมใช้กันมากที่สุด
อันแรกคือ Cycler Rifke ใช้งานไป 903,746,966 ครั้ง
ต่อมาคือ Thermal Detonator ใช้งานไป 574,048,232 ครั้ง
และ Jump Pack ใช้งานไป 570,318,193 ครั้ง
7.Walkers ที่ถูกฆ่า
หุ่น Walkers ถือเป็นพาหนะที่มีคนใช้เยอะมาก และในการทดสอบ Beta ครั้งที่ผ่านมันโดนล้มไปมากกว่า 783,392 ครั้งเลยทีเดียว
6.E-11 Blaster
ในการทดสอบ Beta อาวุธ E-11 Blaster ใช้ฆ่าไปมากถึง 293 ล้าน ศพ!! คิดเล่นๆเกือบเท่าจำนวนประชากรของประเทศสหรัฐอเมริกาเลยทีเดียว
5.พลัง Force Choke
พลัง Force Choke หรือก็คือพลังที่เหมือนใช้บีบคอศัตรูในระยะไกล ที่ Darth Vader ใช้ จำนวนที่ถูกใช้นั้นก็คือ 1,379,319
4.Luke Skywalker
ภายในการทดสอบ Beta ตัวละคร Luke Skywalker ถูกเรียกมาในเกมส์มากถึง 5,904,806 ครั้ง
3.Darth Vader
ภายในการทดสอบ Beta ตัวละคร Darth Vader ถูกเรียกมาในเกมส์มากถึง 5,938,148 ครั้ง
2.จำนวนเวลาทั้งหมด
จำนวนเวลาในที่นี้ก็คือ จำนวนเวลาทั้งหมดที่ผู้เล่นทั้งหมดใช้เวลาในเกมส์ โดยเป็นจำนวนเวลามากถึง 1.6 พันล้านนาที!! หรือคิดเป็นเวลากว่า 3,044 ปี!! หรือเวลาทั้งหมดสามารถใช้ดูหนังไตรภาค Star Wars ได้มากถึง 4.2 ล้านรอบ!!
1.ผู้เล่นที่เข้าร่วมทดสอบ
ในการทดสอบของทาง EA ใน BEATA มีผู้สนใจเข้าร่วมทดสอบเป็นจำนวนมากมายมหาศาล โดยจำนวนอยู่ที่ 9.5 ล้านคน เลยทีเดียว โดยทาง EA ถึงกับประกาศเลยว่าเป็นการทดสอบที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในประวัติศาสตร์ EA เลยทีเดียวเชียว

10 อันดับยอดฟอลโล่เยอะที่สุดใน (the face thailand season 2)

10 อันดับยอดฟอลโล่เยอะที่สุดใน (the face thailand season 2)

update : 2016-01-25 23:20:00
views : 540
ที่มา : ที่มา dek-d.com (kokollppkako) , เพิ่มเติมข้อมูลโดยทีมงาน toptenthailand
จะมีรายการวาไรตี้ไหนที่จะโด่งดังไปมากกว่า The face thailand เห็นจะไม่มี และมาถึง Season 2 แล้ว และวันนี้เราจะมาเสนอเรื่องราวนี้ ในหัวข้อ 10 อันดับยอดฟอลโล่เยอะที่สุดใน (the face thailand season 2)
10.จูน
บางคนอาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อนว่าเธอนั้นเคยเป็นตัวแทนประเทศเดินทางไปประกวด Miss Model Of The World 2013 ด้วยนะตัวเธอ และยังมีอีกหลายตำแหน่งที่เธอเคยครอบครองมาอีกด้วย เธอมียอด Followers ถึง 103,000 คน เลยทีเดียว
9.จุ๊กกู่
จุ๊กกู๋ เธอเป็นหนึ่งในสาวผิวแทนที่เซ็กซี่เอามากๆ เรียกได้ว่าเป็นตัวสร้างจุดโดดเด่นให้เธอเป็นที่่รู้จักเลยก็ว่าได้ เธอมียอด Followers ถึง 105,000 คน
8.จี
สาวสวยมากความสามารถที่น่าจับตามองไม่น้อย เธอมียอด Followers ถึง 117,000 คน
7.มะปราง
สาวหมวยที่มีหน้าตาคมคาย เธอมียอด Followers ถึง 184,000 คน
6.จีน่า
สาวมากความสามารถ จีน่า เธอมียอด Followers ถึง 201,000 คน
5.ลิลลี่
ใครจะไปเชื่อว่า ลิลลี่ เธอมีอายุอานามแค่ 13!! เท่านั้น ใครจะไปเชื่อว่าเด็ก 13 ก็สามารถมายืนบนจุดนี้ได้แล้ว เธอมียอด Followers ถึง 308,000 คน
4.ติช่า
ติช่า สาวสวยดีกรีนักเรียนนอก และเธอยังเป็นผู้ที่คว้าชัยชนะใน Season 2 อีกด้วย เธอมียอด Followers 486,000 คน
3.เจสซี่
สาวลูกครึ่งที่พกความสวยมาเต็มที่ และด้วยวัยเพียง 16 ปี ทำให้เธอดูโดดเด่นเป็นอย่างมาก เธอมียอด Followers 608,000 คน
2.น้ำหวาน
สาวหน้าตาคมคาย ดูเซ็กซี่แบบสุดๆ เธอมียอด Followers 629,000 คน
1.กวาง
มาถึงอันดับที่ 1 กวางเธอมียอด Followers 889,000 คน เลยทีเดียว ไม่ต้องแปลกใจไป เพราะเธอมีผลงานในวงการบันเทิงมามากมาย

10 อันดับยอดฟอลโล่เยอะที่สุดใน (the face thailand season 2)

10 อันดับยอดฟอลโล่เยอะที่สุดใน (the face thailand season 2)

update : 2016-01-25 23:20:00
views : 540
ที่มา : ที่มา dek-d.com (kokollppkako) , เพิ่มเติมข้อมูลโดยทีมงาน toptenthailand
จะมีรายการวาไรตี้ไหนที่จะโด่งดังไปมากกว่า The face thailand เห็นจะไม่มี และมาถึง Season 2 แล้ว และวันนี้เราจะมาเสนอเรื่องราวนี้ ในหัวข้อ 10 อันดับยอดฟอลโล่เยอะที่สุดใน (the face thailand season 2)
10.จูน
บางคนอาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อนว่าเธอนั้นเคยเป็นตัวแทนประเทศเดินทางไปประกวด Miss Model Of The World 2013 ด้วยนะตัวเธอ และยังมีอีกหลายตำแหน่งที่เธอเคยครอบครองมาอีกด้วย เธอมียอด Followers ถึง 103,000 คน เลยทีเดียว
9.จุ๊กกู่
จุ๊กกู๋ เธอเป็นหนึ่งในสาวผิวแทนที่เซ็กซี่เอามากๆ เรียกได้ว่าเป็นตัวสร้างจุดโดดเด่นให้เธอเป็นที่่รู้จักเลยก็ว่าได้ เธอมียอด Followers ถึง 105,000 คน
8.จี
สาวสวยมากความสามารถที่น่าจับตามองไม่น้อย เธอมียอด Followers ถึง 117,000 คน
7.มะปราง
สาวหมวยที่มีหน้าตาคมคาย เธอมียอด Followers ถึง 184,000 คน
6.จีน่า
สาวมากความสามารถ จีน่า เธอมียอด Followers ถึง 201,000 คน
5.ลิลลี่
ใครจะไปเชื่อว่า ลิลลี่ เธอมีอายุอานามแค่ 13!! เท่านั้น ใครจะไปเชื่อว่าเด็ก 13 ก็สามารถมายืนบนจุดนี้ได้แล้ว เธอมียอด Followers ถึง 308,000 คน
4.ติช่า
ติช่า สาวสวยดีกรีนักเรียนนอก และเธอยังเป็นผู้ที่คว้าชัยชนะใน Season 2 อีกด้วย เธอมียอด Followers 486,000 คน
3.เจสซี่
สาวลูกครึ่งที่พกความสวยมาเต็มที่ และด้วยวัยเพียง 16 ปี ทำให้เธอดูโดดเด่นเป็นอย่างมาก เธอมียอด Followers 608,000 คน
2.น้ำหวาน
สาวหน้าตาคมคาย ดูเซ็กซี่แบบสุดๆ เธอมียอด Followers 629,000 คน
1.กวาง
มาถึงอันดับที่ 1 กวางเธอมียอด Followers 889,000 คน เลยทีเดียว ไม่ต้องแปลกใจไป เพราะเธอมีผลงานในวงการบันเทิงมามากมาย

10 ปีศาจในตำนานเซลติคของชาวไอริช

10 ปีศาจในตำนานเซลติคของชาวไอริช

update : 2016-01-31 20:57:00
views : 107
ที่มา : ที่มา teen.mthai.com/
วันนี้เราจะพาไปพบกับ 10 ปีศาจในตำนานเซลติคของชาวไอริช จะน่ากลัวแค่ไหนไปชมกัน
10.Questing Beast
สัตว์ปีศาจตัวนี้มีชื่อว่า Questing Beast ซึ่งมีลักษณะเหมือนงู แต่ตามจริงแล้ว มันก็ไม่เชิงงูซะทีเดียว เพราะตัวมันมีสัตว์หลายชนิดประกอบรวมร่างกัน คือ มีหัวเป็นงู ตัวเป็นเสือดาว ตูดเป็นสิงโต กีบเท้าเป็นกวาง แถมเสียงร้องของมันดังพอๆกับหมา 30 ตัวเห่า! OMG แต่ปีศาจตัวนี้ค่อนข้างซวยกว่าปีศาจตัวอื่น เพราะว่ามันถูกอัศวินตามล่าตลอดหลังจากได้ยินข่าวเกี่ยวกับมันแพร่สะพัดออกไป นอกจากนี้ เจ้าตัว Questing Beast ไม่ได้มีอยู่แค่ในตำนานเซลติคเท่านั้น แต่ยังไปโผล่ในเรื่องราวของกษัตริย์อาเธอร์อีกด้วย
9.Leanan Sidhe
Leanan Sidhe เป็นทั้งเทพทางด้านบทกวีและปีศาจในตัวเดียวกัน อีกทั้งยังถูกจัดเป็น 1 ในแวมไพร์อีกตัวหนึ่งในตำนานของเซลติคอีกด้วย ซึ่งตามตำนานของนางนั้น เป็นหญิงที่มีความสวยงาม และจะมองหาคนรัก(เหยื่อนั่นแหละ) ที่เป็นนักดนตรีหรือนักกวีโดยเฉพาะ! โดยในช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันนั้น เธอก็จะแชร์ความรู้ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น บทเพลง กวี หรือเวทมนต์ ซึ่งนั่นก็จะทำให้คนรักของเธอค่อยๆ รักหลงจนโงหัวไม่ขึ้น และเมื่อถึงเวลา Leanan Sidhe ก็จะจากคนรักไป ปล่อยให้คนรักค่อยๆ ทรมาน หมดกำลังใจ สิ้นหวังไปเรื่อยๆ จนตรอมใจตาย นางใจร้ายจัง >,< หลังจากนั้น เธอจะปรากฏตัวอีกครั้งก่อนจะนำร่างที่ไร้วิญญาณของคนรักไปยังที่ซ่อน แต่แทนที่เธอจะดูดเลือดจากเหยื่อแบบแวมไพร์ทั่วไป เธอกลับเอาเลือดของคนรักที่ตายนั้น เทลงใส่ในหม้อสีแดงขนาดใหญ่แล้วค่อยตักมาดื่ม (จะดื่มเลือดทั้งทียุ่งยากจัง) ซึ่งหม้อนี่เป็นแหล่งพลังงานหลักที่ทำให้เธอสวยเป๊ะ! และมีความสามารถทางด้านบทกวีตลอดเวลา ส่วนวิธีป้องกันนั้น ก่อนอื่นก็ต้องหาที่ซ่อนของ Leanan Sidhe ให้ได้ก่อน จากนั้นให้นำแผ่นหินมาปิดทางเข้าไว้ (แค่นี้กันนางได้แล้วหรอ?)
8.Caorthannach
เรื่องราวของ Caorthannach เริ่มขึ้นในยุคสมัยของนักบุญแพทริก(St. Patrick) ซึ่งขณะนั้นเขาได้ขึ้นไปที่ยอดเขา Croagh Patrick เพื่อสวดขับไล่งูและปีศาจออกจากเกาะไอร์แลนด์ให้จมลงไปยังใต้ทะเล แต่ว่ามีปีศาจอยู่ตัวหนึ่งชื่อว่า Caorthannach ซึ่งมีลักษณะเหมือนงูขนาดใหญ่สามารถพ่นไฟได้ กำลังเลื้อยหนีลงไปจากภูเขา นักบุญแพทริกก็ดันไปเห็นพอดี พร้อมกับไล่ตาม Caorthannach ไปด้วยม้าที่เร็วที่สุดบนเกาะไอร์แลนด์ ซึ่งการไล่ล่านี้กินเวลานานพอสมควร Caorthannach รู้ว่า นักบุญแพทริกจะต้องกระหายน้ำแน่ๆ จึงได้ทำการพ่นไฟและคายพิษลงในทุกๆบ่อน้ำที่เลื้อยผ่าน แต่ทางนักบุญแพทริกก็เหมือนจะรู้ทัน เลยไม่ยอมดื่มน้ำซักหยด พร้อมกับสวดมนต์อ้อนวอนขอคำแนะนำจากพระเจ้า และแล้วการไล่ล่าก็มาถึงตอนจบ นักบุญแพทริกได้มาดักรอ Caorthannach ที่เนินหิน Hawks Rock และเมื่อ Caorthannach มาถึง นักบุญแพทริกก็ออกจากที่ซ่อนพร้อมกับสวดขับไล่เพียงคำพูดเดียว Caorthannach ก็หนีจากเกาะไอร์แลนด์ก่อนจะจมน้ำตายลงในทะเล
7.Kelpie
เคลพีเป็นปีศาจจำพวกพรายน้ำในนิทานพื้นบ้านของสกอตแลนด์ มีลักษณะเป็นม้าสีขาวหรือกึ่งคนกึ่งม้า มีลักษณะคล้ายคลึงกับเซนทอร์, ลิมนาเดส และสคิลลา ในเทพปกรณัมกรีก และม้าบ้อง สิงสถิตย์อยู่ยังแม่น้ำ, ทะเลสาบหรือ หนองน้ำ แหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่ เคลพี ยังมีชื่อเรียกอื่น ๆ ตามท้องถิ่นต่าง ๆ เช่น นักเกิล (Nuggle) ชูพิลที (Shoopiltee) โยเกิล (Njogel) แทงกี (Tangi) ในตำนานสแกนดิเนเวียเรียกว่า Bäckahästen (แปลว่า ม้าลำธาร) ในนอร์เวย์เรียก nøkken (หมายถึง พรายน้ำ) ลักษณะผิวจะเรียบแต่เย็นเหมือนผิวคนตายหากได้สัมผัส เคลพี จะล่อลวงคนที่หยุดพักที่ริมน้ำที่มันอาศัยอยู่ ขณะที่หยุดพักดื่มน้ำ มันจะปรากฏตัวเป็นม้าสีขาวที่สงบเสงี่ยม แต่เมื่อขึ้นขี่หลังมัน มันจะพาดำดิ่งสู่ก้นน้ำทันที จนบุคคลนั้นจมน้ำตาย ซึ่งเคลพีจะกินซากศพจนเหลือเพียงหัวใจหรือตับไว้ บางครั้ง นอกจาก Kelpie จะแปลงเป็นม้าแล้ว มันยังสามารถแปลงเป็นหนุ่มหล่อหรือหญิงสาวแสนสวยเพื่อล่อเหยื่อให้มาติดกับได้ด้วย! มีเรื่องของเคลพีที่แปลงร่างเป็นมนุษย์เพื่อแต่งงานกับหญิงสาว ก็มี ส่วนวิธีดูว่าเป็น Kelpie แปลงมาหรือไม่ ให้ดูที่หัว หากบนหัวมีสาหร่ายปกคลุมอยู่ นั่นก็หมายความว่าเป็น Kelpie แน่นอน แต่วิธีนี้ ใช้ดูได้เฉพาะเวลาที่ Kelpie แปลงเป็นผู้ชายเท่านั้น ส่วนถ้าแปลงเป็นผู้หญิง ก็วัดตามความซวยแล้วกันนะคะ >,< มีนิทานของชาวสก๊อต กล่าวถึงเรื่องของเจ้าปีศาจม้าน้ำนี้เหมือนกัน เรื่องมีอยู่ว่า มีเด็ก 9 คนถูก Kelpie ล่อให้ขี่ไปบนหลัง (ขี่กันยังไงฟระตั้ง 9 คน) เหลือเด็กคนที่ 10 เท่านั้นที่กำลังวิ่งหนี ขณะที่เจ้าม้าน้ำกำลังวิ่งไล่กวด เด็กคนที่ 10 ก็ใช้หมัดต่อยสวนไปที่จมูก แต่ดันลืมไปว่าผิวม้าน้ำปีศาจนั้นเหนียวอย่างกับกาวตราช้างทำให้ดึงมือออกไม่ได้ เด็กคนนี้เลยตัดสินใจควักมีดออกมาตัดมือของตัวเองที่ติดอยู่กับม้าน้ำปีศาจ และหนีออกมาได้ ส่วนเด็ก 9 คนที่เหลือก็ถูกพาลงไปใต้น้ำพร้อมกับ Kelpie
6.Carman
Carman เป็นเทพนักรบหญิงของเซลติคและเป็นคนที่ใช้เวทมนต์ดำในการเข้ารุกรานแผ่นดินไอร์แลนด์ในยุคของมนุษย์ พร้อมกับลูกๆทั้ง 3 คน ได้แก่ “Dub (ความมืด)”, “Dother (ปีศาจ)” และ “Dian (ความรุนแรง)” Carman ได้ใช้เวทมนต์ดำของเธอทำลายพืชไร่ต่างๆ รวมถึงสิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่ขวางทางเธอและลูกๆ แต่แล้วก็มีผู้กล้าทั้ง 4 ได้ต่อกรกับ Carman และลูกๆทั้ง 3 ซึ่งมี Crichinbel, Lugh, B Chuille และ Aoi การต่อสู้ครั้งนี้ ลูกๆทั้ง 3 ถูกขับไล่ออกไปจากเกาะไอร์แลนด์ ส่วน Carman ถูกจับขังคุกก่อนจะตายภายในคุกนั่น ศพของ Carman ว่ากันว่า ถูกฝังไว้ที่เมือง Wexford ในกลุ่มของต้นไม้โอ๊ค ซึ่งขุดโดยกษัตริย์ Eochaid Bres และหลังจากฝั่งศพแล้ว ก็มีการเรียกชื่อหลุมศพนี้ว่า Carman ตามชื่อของเธอและต่อมาก็ได้มีการจัดเทศกาล Carman ในวันที่ 1 สิงหาคมของทุกปี
5.Sluagh
Sluagh เป็นดวงวิญญาณของคนที่ตายแล้วไม่ได้ไปสู่สุคติ ซึ่งดวงวิญญาณเหล่านี้ครั้งนึงในอดีตเคยทำบาปมหันต์เอาไว้ หรือเป็นดวงวิญญาณที่สุดเกินจะบรรยาย ถึงขนาดสวรรค์ไม่กล้าเปิดรับและนรกยังต้องถีบส่งขึ้นมา โดย Sluagh นี้จะบินรวมกลุ่มกันมาเหมือนฝูงนกมาจากทิศตะวันตก(ทิศคนตาย) และจะไม่ลงมาเหยียบบนพื้นเลย อีกทั้งยังส่งเสียงกรีดร้องเป็นระยะ โดยมีเป้าหมายก็คือ บ้านที่มีคนตาย ซึ่งเจ้า Sluagh จะพยายามเข้าไปในบ้านเพื่อเอาดวงวิญญาณไปอยู่ด้วย นั่นก็หมายความว่า ดวงวิญญาณนั้นจะไม่ได้ไปผุดไปเกิด บางบ้านก็จะปิดหน้าต่างทางทิศตะวันตกเอาไว้ เพื่อกันไม่ให้ Sluagh เข้ามา บ้างก็บอกว่า Sluagh ยังสามารถลักพาตัวคนบริสุทธิ์ดวงซวยได้ ก่อนจะนำวิญญาณคนที่จับมาได้ไปอยู่ด้วยกันตลอดกาล
4.Balor
Balor ในตำนานของเซลติคนั้น กล่าวไว้ว่า เป็นราชาของเหล่า Fomorian ซึ่งเป็นสายพันธุ์ยักษ์ (Fomorian ในภาษาไอริชจะมีความหมายตรงกับคำว่า demigod ซึ่งหมายถึง พวกกึ่งหรือมีพลังเกือบเทียบเท่าพระเจ้า) มีเมียชื่อว่า “Cethlenn” อาศัยอยู่บนเกาะ Tory (Tory island) มีดวงตาที่ด้านหน้า 1 ดวง และด้านหลังอีก 1 ดวง ทำให้สามารถมองได้เกือบรอบทิศและไม่มีใครสามารถลอบทำร้ายเค้าจากด้านหลังได้เลย อีกทั้งยังปล่อยแสงได้ด้วย ตามคำทำนายนั้นกล่าวไว้ว่า Balor จะถูกหลานชายตัวเองฆ่าตาย และเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงความซวยที่จะเกิดกับตัวเอง Balor ก็ได้เตรียมแผนการณ์เอาไว้ Balor ได้ทำการขัง “Ethlinn” ลูกสาวแท้ๆ ของตัวเองไว้ในหอคอยคริสตัลเพื่อกันไม่ให้ใครไปซั่มนางท้อง >,< แต่ยังไงก็ตาม ความกำหนัดก็ยังมีอยู่บนทั่วโลกโดยเฉพาะมนุษย์ เมื่อชายนามว่า “Cian” ได้ทำการลอบเข้าไปช่วยลูกสาวนาง Ethlinn ที่ถูกขังอยู่โดยมี “Birog”คอยให้ความช่วยเหลือ หลังจากซั่มกันแล้ว Ethlinn ก็ได้คลอดเด็กออกมา 3 คน แต่ Balor รู้เรื่องนี้เข้าก็เลยจับเด็กทั้ง 3 โยนในมหาสมุทร โชคยังดี มีเพียงหนึ่งคนเท่านั้นที่ Birog สามารถช่วยชีวิตไว้ได้ ก่อนจะนำไปให้ “Manannan mac Lir” ซึ่งเป็นมนุษย์รับเลี้ยงไว้ และได้ตั้งชื่อให้เด็กคนนี้ว่า “Lugh Lamhfada” หลังจาก Lugh โตขึ้นแล้ว ก็ได้นำมนุษย์เข้าต่อสู้กับเหล่า Fomorian ซึ่งมี Balor เป็นคนนำทัพในสงคราม Mag Tuired ครั้งที่ 2 และผลก็เป็นตามคำทำนายเอาไว้ Lugh ได้ใช้หนังสติ๊กยิงก้อนหินเข้าเบ้าตาข้างหน้าของ Balor ทะลุออกไปยังด้านหลัง ทำให้ Balor เสียชีวิตทันที (บางตำนานกล่าวไว้ว่า Lugh ใช้หอกแทงไปที่เข้าตา หรือ Lugh ตัดหัวของ Balor แล้วใช้ดวงตาที่ปล่อยแสงได้ใส่ไปยังพวก Fomorian)

ในตำนานหนึ่งบอกไว้ว่า หลังจากที่ Balor ถูกฆ่าตายแล้ว ดวงตายังไม่ปิดสนิท ทำให้ปล่อยลำแสงลงพื้นไปเรื่อยๆ และด้วยอนุภาพของมัน ทำให้เกิดเป็นพื้นที่กว้างก่อนจะมีน้ำเข้ามาจนกลายเป็นทะเลสาปที่มีชื่อว่า “Loch na Sul” หรือ “ทะเลสาปแห่งดวงตา” ซึ่งอยู่ในประเทศ Sligo บนเกาะไอร์แลนด์ ส่วนพวก Fomorian ที่เหลือรอดจากสงครามก็ได้กลายเป็นปีศาจอาศัยอยู่ในทะเลพร้อมกับรอดักจับมนุษย์ที่หลงเข้ามาในบริเวณทะเลนั้นๆ
3.Banshee
Banshee เป็นปีศาจอีกตัวหนึ่งที่น่ากลัวไม่แพ้ตัวอื่นในตำนานของชาวไอริช โดย Banshee นี้มีชื่ออื่นๆอีกมากมาย เช่น Banshee, Banshi, Benshee, เทพธิดา(a female fairy), สตรีแห่งความสงบ(Woman of Peace), สตรีแห่งความตาย(Lady of Death), ยมฑูต(the Angel of Death), สตรีชุดขาวแห่งความโศกเศร้า(the White Lady of Sorrow), ภูติแห่งอากาศ(the Nymph of the Air) หรือ วิญญาณแห่งอากาศ(the Spirit of the Air) Banshee ในความเชื่อของชาวไอริชเชื่อว่า เธอจะปรากฏกายในชุดสีเทาหรือไม่ก็สีขาว ผมยาวสีเทามีหวีสีเงินติดอยู่ โดยในตำนาน Banshee จะติดตามอยู่กับครอบครัวตระกูลเก่าแก่ของชาวไอริช ซึ่งจะรู้โดยจากการสังเกตที่นามสกุลของพวกเค้า หากหน้านามสกุลมีตัวโอ(O) หรือคำว่าแมค(Mac) แต่ Banshee จะตามคนในครอบครัวนี้แค่เฉพาะแผ่นดินไอร์แลนด์เท่านั้น หากคนออกไปนอกพื้นที่ไปยังประเทศอื่นก็จะไม่ตาม เพราะ Banshee รักแผ่นดินเกิดมาก
2.Dullahan
Dullahan ในตำนานของชาวไอริชกล่าวไว้ว่า เป็นชาย(หรือหญิงก็ได้) ในชุดสีดำ ไม่มีหัว ใช้มือซ้ายบังคับม้าเทียมโดยมีม้า 6 หรือ 8 ตัวไม่มีหัวคอยลากรถม้าที่ทำจากกระดูกคนตาย ส่วนหัวนั้นถูกมือข้างขวาคอยหิ้วเอาไว้ หรืออีกลักษณะนึงก็คือ เป็นร่างไร้หัวขี่ม้าสีดำตัวใหญ่ เช่นเดียวกันมือซ้ายจับบังเหียน ส่วนมือขวาก็หิ้วหัวตัวเอง ว่ากันว่า Dullahan นั้นเป็นเหมือนลางบอกเหตุของความตาย ซึ่งถ้า Dullahan ไปที่บ้านใครแล้ว บ้านนั้นจะต้องมีคนตาย แต่คนตายในที่นี้หมายถึง หมดอายุขัยจริงๆ ไม่ได้ไปฆ่าคนแต่อย่างใด ส่วนการเดินทางไปรับวิญญาณนั้น เค้าก็จะควบม้าภายในความมืด โดยมีหัวที่ส่องแสงสีเขียวเป็นเหมือนกับตะเกียงยามค่ำคืน ดวงตาก็กลอกกลับไปมา ราวกับมองหาทุกสิ่งที่อยู่ละแวกนั้น ลักษณะพิเศษของหัวยังไม่หมดแค่นี้! ดวงตาของ Dullahan นั้นสามารถมองข้ามไปยังอีกเขตของประเทศ ต่อให้เหยื่อหนีไปยังไงก็ตามหาเจออยู่ดี(มองการณ์ไกลจริงๆ) หรือถ้าบ้านไหนปกปิดว่าไม่มีคนที่ Dullahan ตามไปเก็บวิญญาณอยู่ Dullahan ก็สามารถรู้ได้โดยมองทะลุจิตใจของคนๆนั้นที่ปกปิดอยู่ได้ (หลอนเกิ๊นน)

ส่วนอาวุธของ Dullahan นั้น เป็นแส้ที่ทำมาจากกระดูกสันหลังของคน >,< หากใครที่คิดแอบดู Dullahan ระหว่างทำภารกิจ ก็จะถูกแส้ฟาดเข้าที่ดวงตาทำให้ตาบอดไปข้างกันเลยทีเดียว หลายคนอาจสงสัยว่า เฮ้ย! แล้วเอ็งไม่คิดจะส่งเสียงหรือกรีดร้องแบบผีตัวอื่นรึไง Dullahan ไม่ได้ใบ้รับประทาน เขาพูดได้แต่จะพูดแค่ชื่อของคนตายกับบ้านของคนตายที่กำลังจะไปเท่านั้น
1.Dearg Due
Dearg Due แปลในความเข้าใจของชาวบ้านก็คือ “แวมไพร์ หรือ ผีดูดเลือด (red blood sucker)” ซึ่งเรื่องราวของ Dearg Due นี้มีที่มาจาก หญิงสาวชาวไอริชนามว่า “Orga” ตำนานกล่าวไว้ว่า Orga เป็นหญิงสาวที่มีความงดงามมาก ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ดวงตาเป็นประกาย ริมฝีปากสีแดง พร้อมกับผมสีทองที่ปลิวไสวยามต้องสายลม แน่นอนว่า เมื่อ Orga สวยแล้ว ย่อมมีชายหื่นจำนวนไม่น้อยที่หวังอยากได้เธอมาเป็นแฟน แต่ Orga นั้นไม่สนใจใครเลยจนไปตกหลุมรักชื่อ Grian เป็นคนยากจน คีบแตะช้างดาวไปไหนมาไหน ไม่มีอะไรเป็นพิเศษเลย แต่ด้วยความรักของบริสุทธิ์ของเค้าแล้ว ทำให้ Orga มองข้ามเรื่องฐานะไปเลย แต่ความรักของทั้งคู่ก็ต้องสะบั้นลง เมื่อพ่อของ Orga ไม่ให้เธอแต่งงานกับไอ้หนุ่มคนที่เธอรัก แต่จะยกให้เศรษฐีผู้มั่งคั่งเพื่อแลกกับที่ดินและทรัพย์สินจำนวนมากแทน และหลังจากผ่านการแต่งงานอันน่าขมขื่นไป Orga สาวน้อยผู้น่ารักก็ดวงตกทันที จากวันปกติที่เธอใช้เวลามีความสุขกับการตกปลาหรือวิ่งเล่นบนทุ่งหญ้า ก็กลายเป็นว่าเธอถูกสามีใหม่ผู้โหดร้ายกักขังเอาไว้อย่างโดดเดี่ยว แถมยังถูกซ้อมตบตีสารพัด Orga รู้สึกสิ้นหวังกับชีวิตภายในห้องขังมืดๆ กินอะไรก็ไม่ได้ นอนก็ไม่เคยจะหลับเต็มตื่น ไม่นานนักเธอก็ตัดสินใจฆ่าตัวตายโดยการดื่มยาพิษ (แต่บางแหล่งก็บอกว่า เธอตรอมใจตาย) ศพของเธอถูกฝังอย่างเรียบง่าย ไม่มีพิธีใหญ่โตอะไร และไม่มีใครเสียน้ำตาให้เธอเลย สามีจอมโฉดก็มีเมียใหม่ ส่วนพ่อสุดชั่วของเธอกับลูกพี่ลูกน้องก็ใช้ชีวิตหรูหราโดยลืมเรื่องราวของเธอไปซะสนิท มีแต่เพียงไอ้หนุ่มคนรักของเธอที่มาคร่ำครวญร้องไห้ที่หลุมศพทุกวันพร้อมกับภาวนาให้เธอฟื้นขึ้นมา และเหมือนคำขอนั้นจะเป็นจริง เวลาผ่านไปปีกว่าๆ ในคืนหนึ่ง Orga ก็ลุกขึ้นมาจากหลุมศพพร้อมกับความแค้นที่สะสมมานานนับปี ก่อนจะมุ่งตรงไปหาพ่ออันสุดที่รัก!!(กัดฟันพูด) เมื่อเห็นพ่อสุดที่รักนอนอยู่ เธอก็ค่อยๆ เอาริมฝีปากเข้าไปใกล้ๆ พร้อมกับดูดเอาพลังชีวิตมาจนหมด เธอเริ่มรู้สึกได้ถึงพลังในร่างกาย หลังจากจัดการพ่อไปแล้ว เธอก็รีบไปหาอดีตสามีสุดชั่วทันที อดีตสามีของ Orga กำลังกินตับกับสาววัยเอ๊าะๆ นางหนึ่งในห้องนอน โดยไม่ได้สนใจว่าอดีตเมียหลวงได้มาเยือนแล้ว ด้วยความแค้นที่สะสมมานาน Orga รีบบึ่งเข้าไปล็อคตัวเอาไว้พร้อมกับฝังเขี้ยวลงไปที่ซอกคอก่อนจะดูดเลือดมาจนหมด ณ วินาทีนั้นเอง ร่างกายของ Orga ก็กลับมาเป็นสาวอีกครั้ง ความคิดถึงคนรักเก่าพลันหายไปพร้อมกับความอยากกระหายเลือดสดๆ ที่เข้ามาแทน โดยทุกๆ 1 คืนในแต่ละปี Orga จะลุกจากหลุมศพขึ้นมาหาเหยื่อเพื่อเติมความสวยงามของเธอ ก่อนจะกลับลงไปยังหลุมอีกครั้งก่อนแสงอาทิตย์จะขึ้น ว่ากันว่า หลุมศพของ Orga ถูกฝังไว้ในเมือง Waterford ทางใต้ของประเทศไอร์แลนด์ ส่วนวิธีป้องกันไม่ให้ Dearg Due ลุกขึ้นมาจากหลุมศพได้ เค้าจะใช้หินมากองทับไว้ที่บนหลุมศพครับเพื่อไม่ให้เธอลุกขึ้นมาได้นั่นเอง